Search Engine
เป็นเครื่องมือหรือโปรแกรมในการค้นหาเว็บต่างๆ โดยมีการเก็บ
รายชื่อเว็บไซต์ และข้อมูลที่เกี่ยวข้องต่างๆของเว็บไซต์
และนำมาจัดเก็บไว้ใน server เพื่อให้สามารถค้นหาและแสดงผลได้สะดวก
และรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ บาง search engine
อาจไม่ได้มีการเก็บข้อมูลใน server ของตัวเอง
แต่อาจอาศัยข้อมูลจากเจ้าของ server นั้นๆ
ตัวอย่าง Search
Engine ที่มีชื่อเสียงทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ
เช่น sanook.com, siamguru.com, google.com,
yahoo.com, msn.com, altavista.com,
search.com เป็นต้น
วิธีการค้นหา
เพียงพิมพ์คำที่เราต้องการค้นหา
หรือที่เราเรียกว่า Key Word และกดปุ่ม Search
ประโยชน์ที่ได้รับจาก Search
Engine
- ค้นหาเว็บที่ต้องการได้สะดวก
รวดเร็ว
- สามารถค้นหาแบบเจาะลึกได้
ไม่ว่าจะเป็น รูปภาพ, ข่าว, MP3 และอื่นๆ อีกมากมาย
- สามารถค้นหาจากเว็บไซต์เฉพาะทาง
ที่มีการจัดทำไว้ เช่น download.com เว็บไซต์เกี่ยวกับข้อมูลและซอร์ฟแวร์
เป็นต้น
- มีความหลากหลายในการค้นหาข้อมูล
- รองรับการค้นหา ภาษาไทย
นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาในรูปแบบของ Search
Bar ที่ทำให้ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องเข้าผ่านเว็บไซต์ Search
Engine
เหล่านั้นโดยตรง
แล้ว ตัวอย่าง Search Bar ที่ขอแนะนำ เช่น Google
Search Bar, Yahoo Search Bar เป็นต้น สำหรับรายละเอียด
ให้คลิกเข้าไปอ่าน
|
การสืบค้นข้อมูลด้วย Search Engine
ในโลกของ Internet ข้อมูลมีมากมายเหลือเกิน
ถ้าจะใช้เวลาในการอ่านทุกสิ่งบน Internet คงต้องใช้เวลาหลายชั่วอายุคน
จริงแล้ว
เราคงไม่มีความสนใจในทุกเรื่อง
แต่คงสนใจเฉพาะเรื่องที่เราสนใจเท่านั้น จึงมีคนคิดเครื่องมือในการช่วยค้นหาข้อมู
ลที่ต้องการ
นั้นก็คือ Search Engine นั่นเอง
การค้นหาข้อมูลมี 2 วิธี
1. การค้นหาในรูปแบบ Index
Directory
2. การค้นหาในรูปแบบ Search
Engine
การค้นหาในรูปแบบ Index
Directory
วิธีการค้นหาข้อมูลแบบ Index นี้ข้อมูลจะมีความเป็นระเบียบเรียบร้อยมากกว่าการค้นหาข้อมูลด้วย
วิธีขิง Search Engine
โดยมันจะถูกคัดแยกข้อมูลออกมาเป็นหมวดหมู่ และจัดแบ่งแยก Site ต่างๆออก เป็นประเภท สำหรับวิธีใช้งาน
คุณสามารถที่จะ Click เลือกข้อมูลที่ต้องการจะดูได้เลยใน Web
Browser จากนั้นที่หน้าจอก็จะแสดงรายละเอียด
ของหัวข้อปลีกย่อยลึกลงมาอีกระดับหนึ่ง
ปรากฏขึ้นมาให้เราเลือกอีก ส่วนจะแสดงออกมาให้เลือกเยอะแค่ไหน
อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับขนาดของฐานข้อมูลใน Index ว่าในแต่ละประเภท
จัดรวบรวมเก็บเอาไว้มากน้อยเพียงใด
เมื่อคุณเข้าไปถึงประเภทย่อยที่คุณสนใจแล้ว
ที่เว็บเพจจะแสดงรายชื่อของเอกสารที่เกี่ยวข้องกับ ประเภทของข้อมูลนั้นๆ
ออกมา หากคุณคิดว่าเอกสารใดสนใจหรือต้องการอยากที่จะดู สามารถ Click ลงไปยัง Link เพื่อขอเชื่อต่อทางไซต์
ก็จะนำเอาผลของข้อมูลดังกล่าวออกมาแสดงผลทันที นอกเหนือไปจากนี้
ไซต์ที่แสดงออกมานั้นทางผู้ให้บริการ
ยังได้เรียบเรียงโดยนำเอา Site ที่มีความเกี่ยว
ข้องมากที่สุดเอามาไว้ตอนบนสุดของรายชื่อที่แสดง
การค้นหาในรูปแบบ Search
Engine
วิธีการอีกอย่างที่นิยมใช้การค้นหาข้อมูลคือการใช้ Search
Engine ซึ่งผู้ใช้ส่วนใหญ่กว่า 70% จะใช้วิธีการค้นหาแบบนี้
หลักการทำงานของ Search Engine จะแตกต่างจากการใช้ Indexลักษณะของมันจะเป็นฐานข้อมูลขนาดใหญ่มหาศาล
ที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วไปบน Internet ไม่มีการแสดงข้อมูลออกมาเป็นลำดับขั้นของความสำคัญ
การใช้งานจะเหมือน
การสืบค้นฐานข้อมูล อื่นๆคือ คุณจะต้องพิมพ์คำสำคัญ (Keyword) ซึ่งเป็นการอธิบายถึงข้อมูลที่คุณต้องการจะเข้าไป
ค้นหานั้นๆเข้าไป จากนั้น Search Engine ก็จะแสดงข้อมูลและ Site ต่างๆที่เกี่ยวข้องออกมา
ข้อแตกต่างระหว่าง Index และ Search Engine
คำตอบก็
คือวิธีในการค้นหาข้อมูลแบบ Index เค้าจะใช้คนเป็นผู้จัดรวบรวมและทำระบบฐานข้อมูลขึ้นมา
ส่วนแบบ
Search Engine นั้นระบบฐานข้อมูลของมันจะได้รับการจัดสร้างโดยใช้ Software ที่มี หน้าที่เกี่ยวกับงานทางด้านนี้
โดยเฉพาะมาเป็นตัวควบคุมและจัดการ ซึ่งเจ้า Software ตัวนี้จะมี ชื่อเรียกว่า Spiders การทำงานข้องมันจะใช้วิธีการ
เดินลัดเลาะไปตามเครือข่ายต่างๆที่เชื่อมโยงถึงกันอยู่เต็มไปหมดใน Internet เพื่อค้นหา Website ที่เกิดขึ้นมาใหม่ๆ
รวมทั้งยังสามารถตรวจสอบหาความเปลี่ยนแปลงของ ข้อมูลใน Site เดิมที่มีอยู่ ว่าที่ใดถูกอัพเดตแล้วบ้าง
จากนั้นมันก็จะนำเอาข้อมูลทั้งหมดที่สำรวจเข้ามา
ได้เก็บใส่เข้าไปในฐานข้อมูลของตนอัตโนมัติ ยกตัวอย่าง
ของผู้ให้บริการประเภทนี้เช่น Excite , Lycos
Infoserch เป็นต้น
การค้นหาด้วยวิธี Search Engine นั้นมักจะได้ผลลัพธ์
ออกมากว้างๆชี้เฉพาะเจาะจงได้ยาก บางครั้งข้อมูลที่ ค้นหามาได้อาจมีถึงเป็นร้อยเป็นพัน Site แล้วมีใครบ้างหละ
ที่อยากจะมานั้งค้นหาและอ่านดูที่จะเพจ ซึ่งคง
ต้องเสียเวลาเป็นวันๆแน่ ซึ่งก็ไม่รับรองด้วยว่าคุณจะได้ข้อมูล
ที่คุณต้องการหรือไม่ ดังนั้นจิงมีหลักในการค้น หา
เพื่อให้ได้ข้อมูลใกล้เคียงความเป็นจริงมากที่สุด
ซึ่งจะขอกล่าวในตอนหลัง
หลักการค้นหาข้อมูลของ Search
Enine
สำหรับหลักในการค้นหาข้อมูลของ Search
Engine แต่ละตัวจะมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป
ขึ้นอยู่กับว่าทางศูนย์บริการ
ต้องการจะเก็บข้อมูลแบบไหน แต่โดยส่วนใหญ่แล้วจะมีกลไกใน
การค้นหาที่ใกล้เคียงกัน หากจะแตกต่า
งก็คงจะเป็นเรื่องประสิทธิภาพเสียมากกว่า ว่าจะมีข้อมูล
เก็บรวบรวมไว้อยู่ในฐานข้อมูลมากน้อยขนาดไหน
และพอจะนำเอาออกมาบริการ
ให้กับผู้ใช้ ได้ตรงตามความต้องการหรือเปล่า
ซึ่งลักษณะของปัจจัยที่ใช้ค้นหาโดยหลักๆจะมีดังนี้
การค้นหาจากชื่อของตำแหน่ง URL ใน เว็บไซต์ต่างๆ
การค้นหาจากคำที่มีอยู่ใน Title
(ส่วนที่ Browser ใช้แสดงชื่อของเว็บเพจอยู่ทางด้าน
ซ้ายบนของหน้าต่างที่แสดง
การค้นหาจากคำสำคัญหรือคำสั่ง keyword
(อยู่ใน tag คำสั่งใน html ที่มีชื่อว่า meta)
การค้นหาจากส่วนที่ใช้อธิบายหรือบอกลักษณะ site
ค้นหาคำในหน้าเว็บเพจด้วย Browser
การค้นหาคำในหน้าเว็บเพจนั้นจะใช้สำหรับกรณีที่คุณเข้าไปค้นหาข้อมูลที่เว็บเพจใด
เว็บเพจหนึ่ง แล้วภายในมีข้อความ
ปรากฏอยู่เต็มไปหมด จะนั่งไล่ดูทีละบรรทัดคงไม่สะดวก
ในลักษณะนี้เราใช้ใช้ browser ช่วยค้นหาให้ ขึ้นแรกให้คุณนำ
mouse ไป click ที่ menu Edit แล้วเลือกบรรทัดคำสั่ง Find
in Page หรือกดปุ่ม Ctrl
+ F ที่ keyboard ก็ได้ จากนั้นใส่คำ
ที่ต้องการค้นหาลงไปแล้วก็กดปุ่ม Find Next โปรแกรมก็จะวิ่งหาคำดังกล่าว
หากพบมันก็จะกระโดดไปแสดงคำนั้น
ๆ ซึ่งคุณสามารถกดปุ่ม Find Next เพื่อค้นหาต่อได้
อีกจนกว่าคุณจะพบข้อมูลที่ต้องการ
การค้นหาข้อมูลด้วย Search
Engine
Click ที่ปุ่ม Serch บนแถบเครื่องมือหรือ click ที่ menu Edit แล้วเลือกคำสั่ง Search
Internet ก็จะปรากฏหน้าจอ
เลือก Search
Engine ที่คุณต้องการ (
จากภาพตัวอย่างเลือกไว้ใน infoseek)
ใส่คำที่คุณต้องการจะค้นหาลงไปในช่องยาวๆ
(text box) ที่มีสร้างเอาไว้ให้
คลิ๊กที่ปุ่ม Seek
(กรณีเลือก Search
Engine ที่อื่นอาจจะไม่ได้ใช้คำนี้ก็ได้แล้ว
แต่ที่คุณเลือก
โปรแกรมจะเริ่มค้นหาคำนั้นๆให้
ตอนนี้คุณก็รอสักพักนึงก่อน จากนั้นรายชื่อของเว็บเพจต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลที่ระบุ
จะถูกแสดงออกมาในรูปแบบของลิ้งค์พร้อมคำอธิบายประกอบนิดหน่อย
ให้เราอ่านเพื่อใช้ในการตัดสินใจว่ามันเกี่ยวข้อง
กับข้อมูลที่เราต้องการหรือเปล่า
ส่วนใหญ่ข้อมูลที่พบมีมากจนเกินกว่าที่จะแสดงให้เห็นหมดในหน้าเดียว
มันจะมีตัวแบ่งหน้าให้เราทางด้าน
ล่างสำหรับเลือกไปดูรายละเอียดส่วนอื่นๆที่เหลือในหน้าถัดๆไป
แต่โดยมากแล้วข้อมูลที่ใกล้เคียง
กับคำที่เราต้องการมากที่สุดจะอยู่ในช่วงต้นๆ ของรายการแรกที่ Search
Engine
นั้นๆตรวจพบ
เทคนิค 8 ประการที่ควรรู้ในการค้นหาข้อมูล
ในการค้นหาข้อมูลด้วย Search
Engine ส่วนใหญ่แล้วปัญหาที่ผู้ใช้งานทั่วไปมักจะพบเห็น
หรือประสบอยู่เสมอๆ
ก็คงจะหนีไปไม่พ้นข้อมูลที่ค้นหาได้มีขนาดมากจนเกินไป
ดังนั้นเพื่อ ความสะดวกในการใช้งานคุณจึงน่าที่จะเรียนรู้
เทคนิคต่างๆเพื่อช่วยลดหรือจำกัดคำที่ค้น หาให้แคบลงและตรงประเด็นกับเรามากที่สุด
เลือกรูปแบบการค้นหาให้ตรงกับสิ่งที่คุณต้องการมากที่สุด(อย่างที่ผมได้เคยบอก
ไว้ตั้งแต่ตอนต้นว่ามีอยู่ 2 แบบ)
ส่วนจะเลือกใช้วิธีไหนก็ตามแต่คุณจะเห็นว่า เหมาะสม
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณต้องการจะค้นหาข้อมูลที่มีลักษณะทั่วไป
ไม่ชี้ เฉพาะเจาะจง ก็ควรเลือกบริการสืบค้นข้อมูลแบบ Index อย่างของ yahoo เพราะ โอกาสที่จะเจอนั้น เปอร์เซ็นต์สูงกว่า
จะมานั่งสุ่มหาโดยใช้วิธีแบบ Search Engine
ใช้คำมากกว่า 1 คำที่มีลักษณะเกี่ยวข้องกันช่วยค้นหา
เพราะจะได้ผลลับที่มีขนาด แคบลงและชี้เฉพาะมากขึ้น
(ย่อมจะดีกว่าหาคำเดียวโดดๆ)
ใช้บริการของผู้ให้บริการเฉพาะด้าน
เช่นการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องราวของ ภาพยนตร์ก็น่าที่จะเลือกใช้ Search
Engine
ที่ให้บริการใกล้เคียงกับเรื่องพวกนี้
เพราะผลลับที่ได้น่าจะเป็นที่น่าพอใจกว่า
ใส่เครื่องหมายคำพูดครอบคลุมกลุ่มคำที่ต้องการ
เพื่อบอกกับ Search Engine ว่าเรา
ต้องการผลการค้นหาที่มีคำในกลุ่มนั้นครบ
และตรงตามลำดับที่เราพิมพ์ทุกคำ เช่น "free
shareware" เป็นต้น
การขึ้นต้นของตัวอักษรตัวเล็กเท่ากันหมด Search
Engine จะเข้าใจว่าเราต้องการ
ให้มันค้นหาคำดังกล่าวแบบไม่ต้องสนใจ
ว่าตัวอักษร
ที่ได้จะมีขนาดเล็กหรือใหญ่
ดังนั้นหากคุณต้องการอยากที่จะให้มันค้นหาคำตรงตามแบบที่เขียนไว้ก็ให้ใช้ตัวอักษรใหญ่แทน
ใช้ตัวเชื่อมทาง Logic หรือตรรกศาสตร์เข้ามาช่วยค้นหา มีอยู่ 3 ตัวด้วยกันคือ - AND สั่งให้หาโดยจะต้องมีคำนั้นๆ
มาแสดงด้วยเท่านั้น!
โดยไม่จำเป็นว่าจะต้องติดกัน เช่น phonelink AND
pager เป็นต้น - OR สั่งให้หาโดยจะต้องนำคำใดคำหนึ่งที่พิมพ์ลงไป
มาแสดง - NOT
สั่งไม่ให้เลือกคำนั้นๆมาแสดง เช่น food
and cheese not butter หมายความว่า ให้ทำการหาเว็บที่เกี่ยวข้องกับ food และ
cheese
แต่ต้องไม่มี butter เป็นต้น
ใช้เครื่องหมายบวกลบคัดเลือกคำ
+ หน้าคำที่ต้องการจริงๆ - (ลบ)ใช้นำหน้าคำที่ไม่ต้องการ () ช่วยแยกกลุ่มคำ เช่น
(pentium+computer)cpu
ใช้ * เป็นตัวร่วม เช่น com* เป็นการบอกให้หาคำที่มีคำว่า com ขึ้นหน้าส่วนด้านท้ายเป็น อะไรไม่สนใจ *tor เป็นการให้หา
คำที่ลงท้ายด้วย tor ด้านหน้าจะเป็นอะไรไม่สนใจ
|